คู่มือดูแลรักษารถกอล์ฟไฟฟ้า (Electric Golf Cart)
ฉบับเข้าใจง่าย เริ่มเองได้เลย!
รถกอล์ฟไฟฟ้าในทุกวันนี้กำลังเป็นพาหนะที่นิยมมากขึ้น ถ้าให้ผมเดาภาพจำของทุกคนสำหรับรถกอล์ฟไฟฟ้าแล้วคงมองไปที่รถที่ใช้ในสนามกอล์ฟ แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ มีการใช้งานที่ยืดหยุ่นมากกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นการขับในหมู่บ้าน โรงแรม รีสอร์ต หรือแม้แต่โรงงานอุตสาหกรรม ด้วยเหตุที่เป็นยานพานะทางเลือกใช้พลังงานไฟฟ้า 100% อีกทั้งยังสะดวกสบาย เสียงเงียบไม่รบกวนเพื่อนรอบข้างอีกด้วย
แต่จะทำยังไงละ ให้พานะทางเลือกของเราอย่างรถกอล์ฟไฟฟ้าใช้ได้ไปนานๆอย่างที่หวัง การบำรุงรักษารถกอล์ฟไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้ผมจะมาแชร์ทริกง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถเริ่มทำได้เลยที่บ้าน และส่วนไหนที่ควรติดต่อทีมช่างเข้ามาตรวจ
เช็คได้ด้วยตัวเองเบื้องต้น ขอแบ่งเป็น 5 ข้อหลักๆครับ
1. สอดส่องรถกอล์ฟไฟฟ้าด้วยตาเปล่า ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ในทุกวันๆหลังจากการใช้งานรถกอล์ฟไฟฟ้า ให้สังเกตรอบคันว่ามีรอยบุบรอยข่วนใหม่ๆไหม หรือมีอะไรที่หลวม ข้อต่อชิ้นส่วนไม่แน่น สภาพยางไม่รั่วไม่แบนหรือบวม จากนั้นลองเช็คไฟหน้า ไฟเลี้ยว ว่ายังทำงานปกติหรือเปล่า การเช็คระบบไฟของรถกอล์ฟยังคงเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องความปลอดภัยครับ
โดยเฉพาะการใช้งานเวลากลางคืน หรือพื้นที่แสงน้อย อีกอย่างอย่าลืมเช็ดทำความสะอาด ถ้าเห็นว่าเริ่มมีฝุ่นเกาะหนาแล้ว โดยเฉพาะบริเวณแบตเตอรี่ ก็แปลว่าถึงเวลาทำความสะอาดแล้วครับ
2. ทำความสะอาดรถกอล์ฟไฟฟ้าเบื้องต้น สัปดาห์ละครั้งก็พอ
รถกอล์ฟไฟฟ้าสะอาดนอกจากจะอุ่นใจแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานด้วย สำหรับตัวถังและเบาะให้ใช้น้ำกับแชมพูดล้างรถชนิดอ่อนๆ และเช็ดให้แห้งสนิทด้วยผ้านุ่มๆ เพื่อป้องกันคราบราที่เกิดขึ้นเมื่อเบาะเกิดความชื้นหรือไม่ได้เช็ดเป็นเวลานานเกินไป
ส่วนด้านในหากเป็นแบตเตอรี่น้ำ Flooded Lead-Acid (FLA) ถ้าต้องการทำความสะอาดในส่วนนี้ให้ระวังหน่อยนะครับ ควรใส่ถุงมือกับแว่นตาเพื่อความปลอดภัย ถ้าเห็นขี้เกลือสีขาวๆ หรือสีฟ้าๆ ที่ขั้วแบตเตอรี่ ให้ใช้แปรงลวดขัดเบาๆ แล้วทาวาสลีนบางๆ ที่ขั้ว วิธีนี้จะช่วยป้องกันขี้เกลือกลับมาสะสมอีกครั้ง ทำให้การชาร์จไฟมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นครับ
3. แบตเตอรี่ที่ดีมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันน้อยนิด
แบตเตอรี่เปรียบเสมือนหัวใจของรถกอล์ฟไฟฟ้าเลยก็ว่าได้ครับ ถ้าหัวใจแข็งแรง รถกอล์ฟก็จะอยู่กับเราไปนานๆ ต้องเน้นไปที่เรื่องการชาร์จอย่างถูกวิธีครับ เรื่องนี้สำคัญมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ในรถกอล์ฟไฟฟ้าจะมีหลายประเภท แต่สำหรับแบตเตอรี่ตะกรั่วกรด (Lead-Acid Battery) ผมแนะนำให้ชาร์จหลังใช้งานทุกครั้ง อย่าปล่อยให้แบตหมดสนิท
ซึ่งก็มีข้อควรระวัง เราควรพักรถกอล์ฟไฟฟ้าหลังจากใช้งานมาอย่างหนักประมาณ 15-30 นาที หรือจนกว่าแบตเตอรี่จะกลับมาอุณหภูมิปกติ เพราะตัวแบตเตอรี่น้ำจะมีความร้อนสะสมหลังใช้งานค่อนข้างมากครับ หากชาร์จทันทีจะทำให้แบตมีโอกาสเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น แต่ถ้ารถกอล์ฟไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเทียม (Lithium-ion Battery) จะสามารถชาร์จหลังใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยครับ
4. เรื่องเติมลมอย่าให้ขาด ตรวจสอบลมยางสม่ำเสมอ
ขอบอกเลยว่าหลักการเติมเหมือนกับในรถยนต์เลยครับ การเติมยางลมให้พอดีจะช่วยให้เราขับรถกอล์ฟได้อย่างสบายใจ ควรใช้เกจวัดลมยางเช็คให้ได้ตามค่าที่บริษัทฯแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งข้อดีของการเติมลมพอดีกับตัวยางจะช่วยให้รถกอล์ฟไฟฟ้าวิ่งได้ไกลขึ้นต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แถมยังรักษาคุณภาพยางให้ใช้ได้นานๆไม่สึกเร็วด้วยครับ
5. ระบบเบรกดี ปลอดภัยไปกว่าครึ่ง
การทดสอบเบรกว่ายังเบรกใช้ได้ดีอยู่เหมือนตอนซื้อรถกอล์ฟมาแรกๆหรือไม่ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ โดยอาจจะหาที่โล่งๆสักที่ แล้วใช้ความเร็วต่ำๆลองเหยียบเบรกดูว่ามีเสียงแปลกๆหรือเบรกสนิทอยู่เหมือนเดิมรถไม่ไหลถือว่าใช้ได้ครับ
นอกจากนี้ถ้ารถกอล์ฟไฟฟ้า 4 ที่นั่งขึ้นไปควรเช็คเบรกมือ (Parking Brake) ควบคู่ไปด้วย อาจลองดึงขึ้นบนทางลาดเล็กๆดู ว่ารถกอล์ฟจอดสนิทนิ่งไม่ไหล ซึ่งการตรวจสอบเล็กน้อยๆเหล่านี้จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุและทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจได้ว่ารถกอล์ฟไฟฟ้าพร้อมใช้งานตลอดเวลาครับ
เรื่องนี้ต้องให้มืออาชีพด้านรถกอล์ฟจัดการ ขอแบ่งเป็น 5 ข้อครับ
1. ตรวจเช็คแบตเตอรี่รถกอล์ฟไฟฟ้าเชิงลึก
สำหรับแบตเตอรี่ตะกรั่วกรด (Lead-Acid Battery) ทีมช่างเฉพาะด้านรถกอล์ฟจะต้องวัดความถ่วงจำเพาะของน้ำกรด ซึ่งฟังดูเป็นวิทยาศาสตร์เลยใช่ไหมล่ะ นอกจากนี้ยังต้องทดสอบความสามารถจ่ายไฟภายใต้โหลด และขันสายไฟและขั้วต่างๆ ให้แน่นพอดี
ส่วนแบตเตอรี่ชนิดลิเทียม (Lithium-ion Battery) นั้น จำเป็นต้องตรวจสอบระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) ที่ควบคุมทุกอย่าง วิเคราะห์ข้อมูลการทำงานและข้อผิดพลาด รวมถึงอัปเดตซอฟต์แวร์ควบคุม (ถ้ามี) การตรวจสอบเชิงลึกเหล่านี้ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษและความรู้เฉพาะทางครับ
2. ตรวจเช็คการทำงานของระบบเบรก
หากเป็นเรื่องอื่นๆนอกจากทดสอบการทำงานของเบรกแล้ว ผมขอแนะนำให้เป็นหน้าที่ของทีมช่างเฉพาะทางดีกว่าครับ อย่างเรื่องการปรับตั้งระยะเบรกให้พอดี การตรวจผ้าเบรก, ก้ามเบรก รวมถึงเช็คน้ำมันเบรก และ การไล่ลมในระบบ (ถ้าเป็นระบบไฮดรอลิก)
ซึ่งทั้งหมดนี้ควรทำได้รับการดูแล เปลี่ยน และซ่อมแซมอย่างถูกต้อง เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยด้านความปลอดภัยของผู้ขับขี่และโดยสารเป็นอย่างมาก ซึ่งบริษัท ยูเทคโนโลยี จำกัด ของเรามีบริการนอกสถานที่ (On-site Service) สอบถามรายละเอียดได้ที่นี่
3. ตรวจเช็คมอเตอร์และชุดควบคุม (Controller)
มอเตอร์เปรียบเสมือนขุมกำลังในการขับเคลื่อนของรถกอล์ฟไฟฟ้า จำเป็นต้องให้ช่างเฉพาะเข้ามาตรวจเช็คหากเกิดเสียงแปลกๆขึ้น หรือการตรวจสภาพควบคุมความเร็ว (Controller) และสายไฟที่เกี่ยวข้อง ในที่นี้ช่างจะมีการตรวจเช็คเพื่อวินิจฉัยที่มาของปัญหา ซึ่งเกิดขึ้นได้หลายกรณีขึ้นอยู่กับอะไหล่ส่วนที่ขัดข้องของตัวรถกอล์ฟไฟฟ้าเอง
หากระบบควบคุมที่ทำงานได้ปกติจะส่งผลดีต่อการจ่ายพลังงานในรถกอล์ฟไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัวครับ
4. ตรวจสอบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว
โดยจุดนี้ช่างผู้ชำนาญจะตั้งศูนย์ล้อให้ตรง ซึ่งหากล้อไม่ตรง จะทำให้สิ้นเปลืองแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังตรวจลูกหมาก คันชักคันส่ง ว่าสึกหรอหรือไม่ และหยอดน้ำมันหล่อลื่นตามจุดต่างๆ การดูแลช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวอย่างถูกต้องจะช่วยให้การขับขี่รถกอล์ฟไฟฟ้าเป็นไปอย่างนุ่มนวล ควบคุมง่าย และปลอดภัย ระบบช่วงล่างที่ดีจะช่วยรองรับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้เป็นอย่างดีครับ
5. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์เสริม
ในส่วนนี้ปัญหาถือว่าไม่ได้ใหญ่มาก แต่ไม่ควรปล่อยครับ อย่างการเช็คสายไฟหลัก สวิตช์ รีเลย์ และฟิวส์ แก้ปัญหาไฟส่องสว่าง หรือแตรที่ทำงานผิดปกติ รวมถึงอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับรถรุ่นใหม่ๆ ระบบไฟฟ้าที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้รถกอล์ฟไฟฟ้ามีความปลอดภัยและน่าใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องขับในเวลากลางคืนหรือในที่มืด จะเห็นได้ว่าเป็นเรื่องของความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวกล้วนๆเลยครับ
แล้วเมื่อไหร่ควรพารถกอล์ฟไปหาหมอ?
ตามกำหนดเวลานั้น ส่วนใหญ่แนะนำให้ตรวจเช็คใหญ่ทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี หรือเมื่อมีอาการผิดปกติ เช่น รถวิ่งได้ระยะทางสั้นลงกะทันหัน มีเสียงประหลาดจากมอเตอร์หรือช่วงล่าง เบรกฝืดหรือไม่จับ ชาร์จไฟไม่เข้า แบตเตอรี่บวมหรือร้อนผิดปกติ การสังเกตอาการผิดปกติเหล่านี้และนำรถไปพบช่างได้ทันท่วงทีจะช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยยืดอายุการใช้งานของรถกอล์ฟไฟฟ้าได้มากๆครับ
สรุป
การดูแลรถกอล์ฟไฟฟ้า ก็เหมือนการดูแลคนที่เรารัก ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและด้วยความใส่ใจ เราทำเองได้หลายอย่าง แต่บางเรื่องก็ต้องพึ่งทีมช่างเฉพาะทางเป็นหลัก
ผมเชื่อว่าถ้าคุณทำตามคำแนะนำเหล่านี้ รถกอล์ฟไฟฟ้าคันโปรดจะอยู่กับเราได้ไปอีกนานอย่างสบายใจครับ ไม่มีให้พะวงว่ารถกอล์ฟจะดับกลางทาง รถกอล์ฟไฟฟ้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีไม่เพียงแต่จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่ยังรักษามูลค่าการขายต่อได้ดีอีกด้วย เพราะผู้ซื้อมักมองหารถที่ได้รับการดูแลอย่างดี ดังนั้นการลงทุนเวลาเล็กน้อยในการดูแลรถกอล์ฟไฟฟ้าจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
บริษัท ยูเทคโนโลยี จำกัด พร้อมให้บริการตรวจเช็คและบำรุงรักษารถกอล์ฟไฟฟ้าครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเช็คแบตเตอรี่เชิงลึก ระบบเบรก มอเตอร์ ช่วงล่าง และระบบไฟฟ้า เรามีทีมช่างผู้ชำนาญการที่พร้อมให้บริการถึงที่ (On-site Service) สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่